วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เย้ยฟ้าท้ากรมขนส่ง! Uber จัดรถรับส่งฟรีทั่วบางกอกฉลองคริสต์มาส

ถึงแม้ว่ากรมการขนส่งจักออกมาประกาศว่าการให้บริการของ Uber นั้นถือว่าผิดกฏหมาย ทั้งในเรื่องโครงสร้างการจัดเก็บค่าบริการและคนขับที่ไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ แต่ก็ดูเหมือนว่า Uber จะทำเป็นหูทวนลม เหตุเพราะในวันที่ 25 ที่จักถึงนี้ UberX เขาจักให้บริการฟรีฉลองคริสต์มาสนะเออ
ในบล็อกของ Uber ระบุไว้ว่าโปรโมชั่นนั่ง Uber ฟรีในวันคริสต์มาส จักตั้งต้นตั้งแต่ตี 1 ของวันที่ 24 ธันวาคม นับไป 24 ชั่วโมง ทั้งผู้ใช้งานหน้าเก่าหน้าใหม่ก็จักได้เพราะว่าสารรถ UberX ฟรีๆ 2 เที่ยวภายในกรุงเทพฯ
ในบล็อกดังกล่าวยังทำนูลอีกว่าสมมตคุณต้องเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ มีธุระด่วน ฉลองคริสต์มาสหนักเกินไป หรือไม่ก็ตะโกรงนั่งดูรถติดบนถนน อะไรก็แล้วแต่ แค่เรียก UberX ที่ในวันนั้นจะเป็นซานตาคลอสใจดี แล้วย้ำเตือนคนขับว่าคุณหวังจักไปไหนเท่านั้นเอง...นี่คงไม่ได้ประชดเรื่องแท็กซี่ไทยชอบปฏิเสธผู้เพราะสารหรอกมั้ง...
ถ้าจักพูดเรื่องกระแสของ Uber ในแต่ละประเทศก็คงต้องตรัสว่าปีนี้น่าจะเป็นปีชงของ Uber ก็เพราะว่าโดนแบนมาแล้วทั่วสารทิศ ล่าสุดก็คือไต้หวัน กับประเด็นเรื่องการขอใบอนุญาตไม่ตรงกับชั้นของการให้บริการ
เพราะด้วยในประเทศไทย กรมการขนส่งระบุว่า แม้ผู้ขับขี่ Uber คนใดยังคงให้บริการอยู่ก็จักถูกปรับเป็นเงิน 2,000 บาท เพราะด้วยข้อหาใช้ยานพาหนะผิดกลุ่ม กับปรับอีก 2,000 บาท จากข้อหาไม่ได้ใช้ค่าโดยสารที่ได้รัฐกำหนด พร้อมด้วยไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถรับส่งสาธารณะ รวมๆ แล้วเป็นเงิน 4,000 บาท
ก็ไม่รู้ว่าคริสต์มาสนี้จักมีซานตาคลอสโดนกรมการขนส่งเรียกไปจ่ายค่าปรับใช่ไหมเปล่า แต่ที่แน่ๆ คนขับ Uber ในไต้หวันก็โดนเรียกปรับไปเป็นกองอยู่เหมือนกัน รวมๆ แล้วก็ 3,000,000 บาท แต่ยังคงให้บริการได้เหมือนเดิม

วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

13 สถานที่ชักรูปในกรุงเทพมหานคร เย็น ที่คนรักการถ่ายรูปมือใหม่(ก็ไปได้)

13 สถานที่ถ่ายรูปในกรุงเทพฯ ตอนเย็น ที่คนรักการถ่ายรูปมือใหม่อย่างผม (พร้อมกับคุณ) ก็ไปได้ ... ภาพถ่ายจากเลนส์ Kit 18-55
เรียบเรียงข้อมูลโดย Sanook.com, ขอขอบคุณข้อมูลพร้อมกับภาพประกอบจาก Travel Planet Earth สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม พร้อมด้วย เฟซบุ๊ก EarthsEyeView
สวัสดีครับวันนี้ผมจักมาแนะนำสถานที่ถ่ายรูปในกรุงเทพฯ ตอนเย็น (เท่าที่ผมเคยไปมา)ไปฟรี ไม่เสียตัง ไม่ต้องทำเรื่องขออนุญาติอะไรทั้งนั้น ใครๆ ก็ไปได้ครับเพื่อให้คนกรุงเทพฯ ที่ตะกลามออกไปถ่ายรูป แต่ไม่รู้จะไปที่ไหนดี ได้มีที่ไปกันนะครับ

ก่อนอื่นต้องเปรยก่อนว่า ผมเองก็เพิ่งฝึกถ่ายรูปได้ไม่นาน กับผมก็ใช้สถานที่เหล่านี้แหละเป็นที่ฝึกถ่ายรูปหลายที่อาจจะเป็นสถานที่ยอดนิยมที่คนทั่วไปรู้จักกันอยู่แล้ว และก็ยังมีอีกหลายที่ที่น่าสนใจ (แต่ผมเองยังไม่เคยไป)ใครมีที่เด็ดๆ นอกจากนี้ ก็มาแชร์กันได้นะครับ 

ผมใช้ Canon EOS 700D เลนส์ Canon EF-S 18-55 f/3.5-5.6 IS STM ครับ

เอาล่ะตามผมมาเลยยย!!!

1. โรงพยาบาลศิริราช มุมมหาชนจากสะพานพระปิ่นเกล้าครับ


@26mm+Crop16:9 f/8.0 1/250s iso100

2. สะพานพระราม 8 จากสะพานพระปิ่นเกล้า ถ้าข้ามไปอีกด้านหนึ่งของสะพานก็จะได้มุมนี้ครับ


@25mm+Crop f/4.0 8s iso100

3. วัดพระแก้ว มุมจากพื้นสนามหลวง


@33mm+Crop f/22 30s iso100
มุมมหาชนหน้ากระทรวงกลาโหม

@18mm+Crop f/11 15s iso100
นอกจากนี้ยังศักยขอพี่ทหารเข้าไปถ่ายจากด้านในกระทรวงได้เลยครับ ตอนค่ำๆ เค้าจะเปิดน้ำพุด้วยครับ


(รูปนี้ผมใช้เลนส์ Canon EF-S 10-18 f/4.5-5.6 IS STM) @10mm+Crop f/4.5 8s iso100

4. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ไม่ต้องเสียเงินขึ้นไปถ่ายที่ร้านอาหาร ก็มีมุมที่พอถ่ายรูปวัดอรุณได้ครับ


@37mm+Crop f/13 30s iso100 หรือไม่จะไปรอถ่ายพระอาทิตย์ตกจากสะพานพุทธก็มองเห็นวัดอรุณได้เหมือนกัน


@55mm f/8 1/250s iso100

5. เสาชิงช้า

 @18mm+Crop f/16 30s iso100

6. พระที่นั่งอนันตสมาคม ถ้าวันไหนฝนตก จักมีน้ำท่วมขังหลายจุด ไปจับจองมุมกันได้ตามสะดวกครับ แต่ตอนถ่ายต้องระวังรถนิดนึงนะครับ พร้อมด้วยอย่าลืมเตรียมอุปกรณ์ไปรองกล้อง(จากพื้นน้ำ) ด้วยครับ


@18mm f/11 1.3s iso100

7. วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

@18mm+Crop f/22 20s iso100 ถ้าไปตอนที่ฝนเพิ่งหยุดตก ก็จักได้มุมสะท้อนน้ำด้วยครับ แต่ผมไปไม่เคยทัน น้ำแห้งก่อนตลอด T_T

8. สวนลุมพีนี

@25mm+Crop f/22 30s iso100

@18mm f/8 1s iso100

9. Bangkok Eye (Asiatique the riverfront)


ออกนอกเมืองกันบ้างครับ
10. สะพานภูมิพล (สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม) ที่นี่ยามเค้าอนุญาติให้ถ่ายรูปได้ ห้ามกางขาตั้ง แต่เราอาจวางกล้องกับพื้นได้ครับ


@46mm f/22 30s iso100

11. หอประชุมใหญ่ ม.มหิดล ศาลายา ที่นี่เค้าไม่ได้เปิดไฟทุกวันนะครับ ก่อนไปควรเช็คก่อนล่วงหน้าด้วยครับ จักได้ไม่ไปเก้อ ^^

@39mm f/10 30s iso100

สำหรับสถานที่ถัดจากนี้ ผมจำเป็นต้องใช้เลนส์มุมกว้างถ่าย ก็เพราะว่า @18 mm เริ่มเก็บไม่หมดแล้วครับ (ยกเว้นจะถ่ายพาโน) ผมใช้เลนส์ Canon EF-S 10-18 f/4.5-5.6 IS STM ครับ

12. สวนเบญจกิติ เพราะว่าที่นี่ผมแนะนำให้ไปตอนเช้าจักดีกว่า (เปิดตี 5) เพราะว่าพระอาทิตย์จักขึ้นทางนี้พอดีครับ (ถ้าไปตอนเย็นเราจักหันหลังให้พระอาทิตย์)


@13mm f/7.1 30s iso100

13. ช่องนนทรี

@10mm f/8 0.5s iso100

@10mm f/8 8s iso100

หมดแล้วครับสถานที่ถ่ายรูปในกรุงเทพฯ ตอนเย็น ที่ผมประสงค์จักแนะนำให้ทุกคนได้ไปกัน หวังว่าจักเป็นประโยชน์กับใครหลายคนครับ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชมครับ ^___^ 
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

วิธีตรวจสอบมือถือ หรือไม่ก็สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ก่อนซื้อ

วิธีตรวจสอบมือถือ ไม่ใช่หรือสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ก่อนซื้อ ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ เรื่องง่ายๆ ที่ผู้ซื้อทุกคนควรรู้
เผลอหน่อยเดียว เวลาก็ล่วงเลยมาถึงเดือนสุดท้ายของปี 2014 กันแล้ว ซึ่งก็มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่ตั้งใจจัก, สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ในช่วงปลายปีแบบนี้ เนื่องมาจากมักเป็นช่วงที่บรรดาผู้ผลิตแบรนด์ต่างๆ มักจะแข่งขันกันเพื่อนำเสนอโปรโมชั่นดีๆ ค่าโดนๆ มากเป็นพิเศษ เพื่อกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี
แต่อย่างไรก็ดี นอกจากการตรวจสอบคุณสมบัติ กับราคาจำหน่าย ให้ตรงกับความต้องการของเราแล้ว สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่เราควรทำก่อนที่จะจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้กับร้านค้าก็ คือ การตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวสินค้าอย่างถี่ถ้วน ตั้งแต่ภายนอกกล่อง ไปจนถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ภายใน เพื่อให้สมาร์ทโฟน กับอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราตั้งใจซื้อมาใช้งาน มีสภาพที่สมบูรณ์เต็ม 100% นั่นเอง
ซึ่งขั้นตอนการตรวจสอบต่างๆ นั้นก็ไม่ยาก ทุกท่านทำเป็นทำตามได้อย่างแน่นอน ลองไปติดตามกันได้เลยครับ
ขั้นตอนที่ 1 : ตรวจสอบสภาพกล่อง
ครั้น เราตกลงใจเลือกระฉ่อนกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวแล้ว ก็มาตั้งต้นที่การเช็คสภาพกล่องกันก่อน โดยสภาพกล่องจักต้องไม่มีร่องรอยการแกะ หรือไม่บุบเสียหายก่อนจะถึงมือเรา
ขั้นตอนที่ 2 : ตรวจสอบสภาพตัวเครื่อง
มาต่อกันที่ตัวเครื่อง ทันทีที่ทำการแกะกล่องเรียบร้อยแล้วเราก็มาตรวจสอบสภาพตัวเครื่องว่ามีร่องรอย ในการตกหล่น, รอยขีดข่วน หรือไม่ก็รอยถลอกของตัวเครื่องบ้างหรือไม่ก็ไม่ เพราะผู้ใช้งานควรจักตรวจสอบทั้งตัวเครื่อง ไม่ว่าจักเป็นหน้าจอ, ขอบตัวเครื่องทั้งด้านบน-ล่าง กับซ้าย-ขวา ถ้าสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวนั้นเก่งถอดฝาหลังได้ ก็ควรจักแกะฝาหลัง พร้อมด้วยตรวจสอบด้านใน พร้อมตรวจสอบแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน
ขั้นตอนที่ 3 : ตรวจสอบอุปกรณ์เพิ่มเติมต่างๆ ภายในกล่อง
เพราะว่าอุปกรณ์เพิ่มเติมต่างๆ ภายในกล่องนั้น สมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจักมีความแตกต่างกันออกไป บ้าง แต่โดยพื้นฐานทั่วไปแล้วจักประกอบไปด้วย สายหูฟังแบบสเตอริโอ, อะแดปเตอร์เหตุด้วยการชาร์จแบตเตอรี่, สาย microUSB เพราะว่าเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์, คู่มือการใช้งาน พร้อมทั้งใบรับประกัน ซึ่งส่วนนี้จักสำคัญมากเป็นพิเศษ ดังนั้นผู้ใช้งานควรจักตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันอย่างละเอียด
ขั้นตอนที่ 4 : ตรวจสอบคลื่นความถี่ 3G ใช่ไหม 4G
ก่อนผู้ใช้งานจะเละบือกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว ก็คงจักตรวจสอบว่าสมาร์ทโฟนนั้นรองรับคลื่นความถี่ที่เราใช้ได้ใช่ไหมไม่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาดเราก็ต้องมาตรวจสอบกันให้ดี ซึ่งปัจจุบันสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะรองรับการใช้งาน 3G แต่สมาร์ทโฟนบางรุ่นจักรองรับคลื่นความถี่แตกต่างกัน เพราะความถี่ 3G ของแต่ละเครือข่ายในประเทศไทยจะเป็นดังนี้คือ เครือข่าย AIS ใช้คลื่นความถี่ 900/2100 MHz, เครือข่าย dtac ใช้คลื่นความถี่ 850/2100 MHz กับเครือข่าย TrueMove H ใช้คลื่นความถี่ 850/2100 MHz

จนกระทั่งตรวจสอบความถี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ลองนำซิมการ์ดใส่เข้าไปที่ตัวเครื่อง ด้วยกันเปิดข้อสัญญาณโทรศัพท์ พร้อมกับเปิดโหมดเชื่อมต่อข้อมูล และทดสอบการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านเว็บเบราว์เซอร์ รวมไปถึงตรวจสอบการโทรเข้า และโทรออก ด้วยเช่นกัน
ขั้นตอนที่่ 5 : ตรวจสอบหมายเลข IMEI
ในการตรวจสอบรหัส IMEI นั้นมีหลายวิธี โดยเบื้องต้นแล้วเราศักยตรวจสอบได้จากข้างกล่อง พร้อมด้วยนำมาเปรียบเทียบกับเลข IMEI บนเครื่อง เพราะว่าสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่เลข IMEI จักอยู่ด้านในใต้แบตเตอรี่ ซึ่งเราสามารถแกะฝาหลัง กับนำแบตเตอรี่ออกได้ เกี่ยวกับสมาร์ทโฟนที่ไม่เป็นได้แกะฝาหลังได้นั้น เลข IMEI จะถูกติดไว้ที่หลังของตัวเครื่อง รวมไปถึงการใส่รหัสพิเศษเพื่อตรวจเช็คเลข IMEI ก็เป็นได้ทำได้เช่นกัน เพราะว่าเข้าไปที่โหมดการโทร พร้อมกับกดรหัส *#06# แค่นี้เลข IMEI ก็จะแสดงขึ้นมาให้เราเห็น
ขั้นตอนที่ 6 : ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่

เพราะปกติแล้วสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ที่ออกจากกล่อง บริเวณขั้วแบตเตอรี่สีทอง นั้นไม่ควรมีรอยขีดข่วน ไม่ใช่หรือมีสีอื่นๆ ปะปนนอกจากสีทอง รวมไปถึงรอยไหม้ หรือไม่จุดดำบริเวณขั้วแบตเตอรี่ ทั้งในส่วนของตัวเครื่อง และส่วนของก้อนแบตเตอรี่
วิธีที่ 7 : ตรวจสอบอาการผิดปกติของเม็ดสีบนหน้าจอแสดงผล
การตรวจสอบนั้นจะมี 2 แบบ อย่างแรกคือ การตรวจสอบ Stuck Pixel โดยการตรวจสอบนี้หน้าจอแสดงผลต้องเป็นภาพที่ดำสนิท จนกระทั่งลองตรวจสอบแล้วจะเห็นเม็ดสีที่แตกต่างไปจากสีดำ ซึ่งเม็ดสีที่เห็นนั้นจะมีทั้งสีน้ำเงิน, สีขาว พร้อมด้วยสีแดง อย่างที่สองคือการตรวจสอบ Dead Pixel เพราะการตรวจสอบนี้ภาพหน้าจอต้องเป็นสีขาวสว่างพอสมควร พอลองตรวจสอบแล้วจะเห็นเม็ดสีที่เป็นสีดำ พร้อมด้วยถ้าเปลี่ยนภาพที่เป็นสีอื่นๆ ที่ไม่ใช้สีดำแล้ว เม็ดสีนั้นก็ยังคงเป็นสีดำอยู่เหมือนเดิน พร้อมทั้งผู้ใช้งานยังสามารถตรวจสอบความผิดปกติของเม็ดสีด้วยแอปพลิเคชัน Pixel Test หรือไม่ก็เข้าโหมด Test Menu เพื่อทำการตรวจสอบได้เช่นกัน
ขั้นตอนที่ 8 : เข้าเมนูตรวจสอบ (Service Test) ด้วยรหัสลับของสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์
  
สมมุติท่านใดยังไม่ทราบ เราเก่งลองเชิงการใช้งานฟังก์ชันพื้นฐานต่างๆ ของตัวเครื่องได้ทั้งหมดภายในที่เดียว โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใดๆ เพิ่มเติม วิธีการก็คือให้ เราเข้าไปที่โหมดโทรออก แล้วพิมพ์รหัสลับสำหรับตรวจสอบสมาร์ทโฟนเข้าไป ซึ่งรหัสเหตุด้วยสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์จะแตกต่างกันออกไปดังนี้
สมาร์ทโฟนซัมซุง (Samsung) ใส่รหัส *#0*#
                     
สมาร์ทโฟนโซนี่ (Sony) ใส่รหัส *#*#7378423#*#*
                     
สมาร์ทโฟนเอชทีซี (HTC) ใส่รหัส *#*#3424#*#*
                     
สมาร์ทโฟนแอลจี (LG) ใส่รหัส 3845#*รหัสรุ่น# เหรอ กด 1809#*รหัสรุ่น#
                     
สมาร์ทโฟนออปโป้ (OPPO) ใส่รหัส *#808#
สมาร์ทโฟนเลอโนโว (Lenovo)  ใส่รหัส  ####1111#
สมาร์ทโฟนเอชทีซี (HTC) ใส่รหัส *#*#3424#*#* ไม่ก็ *#*#4636#*#*
สมาร์ทโฟนหัวเว่ย (Huawei) ใส่รหัส ##497613
สมาร์ทโฟนไอโมบาย (i-mobile) ให้กดปุ่มปิดเครื่องก่อน พอหน้าจอดับแล้วให้ กดปุ่มลดเสียง (Volume Down) ด้วยกันปุ่ม Power ค้างไว้พร้อมกัน
ซึ่งรหัสของสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์ข้างต้น จะเป็นรหัสเพื่อเข้าโหมดทดลอง ไม่ก็ Service Test กับมีเมนูย่อยเพื่อวัดใจการใช้งานขั้นพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะ เป็นการแข่งขัน Dead Pixel, การรับให้คำมั่นณ, ระบบสั่น, กล้องถ่ายภาพ, เซ็นเซอร์, ระบบสัมผัส, ลำโพง, ปุ่มกด พร้อมทั้งอื่นๆ ซึ่งฟังก์ชันลองเชิงต่างๆ จักมากน้อยต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์จะใส่มาให้มากน้อยขนาดไหน
 ขั้นตอนที่ 9 : ตรวจสอบแสงลอดบนหน้าจอแสดงผล
การตรวจสอบอาการแสงลอดบนหน้าจอแสดงผล ขึ้นต้นจากการเปิดกล้องดิจิตอลที่ด้านหลังของตัวเครื่องแล้วทำการนำมือทั้งสอง ข้างมาบังแสงรอบนอก ด้วยกันสังเกตตามขอบจอว่ามีแสงลอดออกมามาก หรือว่าน้อย พางใด ถ้าออกมามากจนเกินไป ผู้ใช้งานก็อาจจะแจ้งพนักงานเพื่อทำการเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ทันที
ขั้นตอนที่ 10 : ตรวจสอบระบบสัมผัสของหน้าจอแสดงผล พร้อมด้วยปุ่มสัมผัส
การตรวจสอบระบบสัมผัสนั้นมีหลายวิธี เช่น การปัดหน้าจอไปซ้าย-ขวา หรือการปัดขอบหน้าจอด้านบน พร้อมด้วยด้านล่าง พร้อมทั้งทดลองการแตะหน้าจอขณะเล่นเกม รวมไปถึงการแตะปุ่มควบกำกับการทำงานแบบสัมผัส ซึ่งจักอยู่ด้านล่างของหน้าจอ เพราะว่ากดปุ่มฟังก์ชัน (ใช่ไหมปุ่ม Recent Apps), ปุ่มโฮม ด้วยกันปุ่มย้อนกลับ หมาย 3-5 ครั้ง
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รีวิว Huawei Ascend Mate 7: แหวกแนวแบบไม่แตกสามัคคี?

Huawei Ascend Mate 7 ถือเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงของ Huawei ที่เข็นออกมาในช่วงปลายปี จุดเด่นคงอยู่ที่หน้าจอใหญ่ด้วยกันมีขนาดที่บาง ตลอดจนถึงเรื่องของแบตเตอรี่ที่ใส่มาบานตะเกียง ทั้งหมดมีการออกแบบที่ให้ความรู้สึก พรีเมียม อย่างมาก
ด้วยเหตุว่าเคยมีลองจับไปแล้ว ในการรีวิวครั้งนี้จึงไม่เน้นตัวเครื่องมากนัก เท่ากับประสบการณ์ในการใช้แน่นอน สเปคทำได้อ่านเอาจากข่าวเก่าได้ ถ้าพร้อมแล้ว เราไปอ่านกันเลยครับ
คำเตือน ภาพบานตะไทมาก โปรดใช้วิจารณญาณก่อนเปิดบนอุปกรณ์พกพา
Ascend
Back,

ตัวเครื่อง

หน้าตาของ Huawei Ascend Mate 7 เป็นไปตามเวลานิยมของโทรศัพท์ในปัจจุบันที่เน้นจอใหญ่ ขอบเหระบือน้อยๆ เน้นการออกแบบพร้อมกับใช้วัสดุที่ทำให้รู้สึกถึงความพิเศษ (premium) ของเครื่อง เพราะ Ascend Mate 7 (ในที่นี้จักย่อเป็น Mate 7 เพื่อความง่ายต่อการเข้าใจ) ใช้วัสดุเป็นเหล็กกล้า (stainless steel) ในการครอบเครื่อง ให้ความรู้สึกที่ดีในการจับเครื่อง (เช่นเคย ตามสมัยนิยม) ทั้งหมดมาพร้อมกับความบางที่บางมาก
Front
ด้านบนของเครื่องเป็นไมโครโฟนพร้อมทั้งรูเสียบหูฟัง
Top
ด้านล่างมีไมโครโฟนอีกตัวหนึ่งกับช่อง Micro USB
Bottom
ขวามือของเครื่องมีปุ่มเปิด/ปิด ด้วยกันปุ่มปรับเสียง
Right
ด้านซ้ายเป็นช่องใส่ซิมพร้อมด้วย microSD
Left
ด้านหลังของเครื่อง มีกล้องด้วยกันตัวอ่านลายนิ้วมืออยู่
Back
ผมทำการวัดประสิทธิภาพของเครื่องด้วย Antutu Benchmark แล้ว ได้ผลออกมาตามภาพนี้
 Compared
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ Mate 7 ใช้หน่วยประมวลผล Kirin ของทาง Huawei เอง ซึ่งมีหน่วยประมวลผลมากถึงแปดแกน
 CPU-Z

ซอฟต์แวร์ด้วยกันการใช้งานแท้จริงในชีวิตประจำวัน

Mate 7 มาพร้อมกับ Android 4.4.2 ที่ถูกปรับแต่งและครอบด้วยส่วนการใช้งานที่เรียกว่า EMUI ซึ่งทาง Huawei ปรับแต่งจนทำให้ผมมึนงงไปชั่วขณะ ก็เพราะว่าวิธีการใช้งานรอมของ Huawei นี้ คล้ายคลึงกับ iOS อย่างมาก เพราะเฉพาะแนวคิดการที่ไม่มี App Drawer ใช่ไหมจุดรวมแอพ แบบเดียวกับ Android อื่นๆ (เวลาติดตั้งก็วางลงไปในหน้าจอเลย) นอกจากนั้นแล้วยังไม่อาจใช้ Launcher ตัวอื่นแทนได้เลย ทำให้เป็นสภาวะกึ่งบังคับในการใช้รอมของทาง Huawei เอง
homescreen 
 Screenshot_2014-11-12-19-13-12
ด้วยความที่ Mate 7 มีขนาดใหญ่ ทำให้การใช้งานมือเดียวลำบาก ทาง Huawei จึงใส่โหมดการทำงานด้วยมือเดียวเข้ามา พอผู้ใช้เปิดใช้งาน ถ้าสมมติต้องการทำงานอย่างเช่นพิมพ์ข้อความ ไม่ก็กดปุ่มเสมือนบนหน้าจอ ก็แค่ตะแคงเครื่องไปด้านที่ต้องการ ปุ่มพร้อมกับแป้นพิมพ์จักไปกองกันอยู่ด้านที่ผู้ใช้ถนัด (แต่ผมลองแล้วไม่ชอบ เลยปิดไป) นอกจากนั้นแล้ว ผู้ใช้ยังรอบรู้เปลี่ยนลักษณะของเครื่อง (theme) ได้ตามที่ต้องการด้วย
Theme 
สิ่งที่หงุดหงิดด้วยกันน่ารำคาญของ EMUI ที่มาใน Mate 7 นอกเหนือจากการไม่ศักยปรับแต่งอะไรได้เป็นเรื่องเป็นราวด้วยการเปลี่ยน launcher แล้ว ยังเป็นเรื่องของการมีแอพที่ซ้ำซ้อน ตัวอย่างเช่นเว็บเบราว์เซอร์ที่มีทั้งของระบบพร้อมทั้ง Chrome สองอันอยู่ในเครื่องเดียว ซึ่งไม่มีความจำเป็น (ด้วยกันควรศักยปิดการใช้งานตัวใดตัวหนึ่งได้ แต่ที่แข่งขันกลับทำไม่ได้)
 Wifi
นอกจากนั้นแล้วคงเป็นเรื่องของข้อความ SMS ที่เด้งขึ้นมาเป็น dialog ทับหน้าจอเอาไว้ ซึ่งน่ารำคาญมาก เพราะเฉพาะในเวลาที่กำลังทำงานสำคัญ อย่างไรก็ตามก็มี dialog ที่ยังพอมีประโยชน์บ้าง อย่างเช่นเวลาปิด Wi-Fi ของเครื่อง แล้วจะไปใช้อินเทอร์เน็ตของโทรศัพท์ ก็จะมีขึ้นแจ้งเตือนว่าต้องการดำเนินการต่อหรือไม่ก็ไม่
 Power
เรื่องของแบตเตอรี่ Mate 7 ถือว่าใช้งานได้ดีพร้อมทั้งยาวนาน (แต่ถ้าเล่นเกมหนักๆ อย่าง Ingress เครื่องก็จะร้อน) รวมถึงมีโหมดประหยัดพลังงานที่จะเปลี่ยนโทรศัพท์เป็นสีขาวดำ ด้วยกันทำงานได้ไม่ต่างจากฟีเจอร์โฟนทั่วไป ทำให้ยิ่งใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น (ผมไม่ได้วัดเป็นแน่แท้จังว่าเท่าไหร่ แต่ไม่ต้องชาร์จ 2 วัน ใช้งานปานกลาง อาจจักอยู่ได้เป็นปกติ
 
นอกเหนือจากนั้น Huawei ยังใส่แอพต่างๆ เพิ่มเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลายอันก็มีประโยชน์ แต่หลายอันก็ไม่มีประโยชน์ในการใช้งานจริงมากนัก คงขอข้ามๆ ไปในที่นี้ อย่างไรก็ตาม Mate 7 มาพร้อมกับตัวอ่านลายนิ้วมือซึ่งอาจจะใช้งานในการเปิดเครื่องได้ โดยไม่ต้องกดปุ่มเปิดปิดแบบ iPhone แม้แต่น้อย ถือว่าสะดวกมาก นอกจากนั้นแล้วยังอาจจะใช้งานได้แทบจะทุกท่า กล่าวคือ ต่อให้วางนิ้วในตำแหน่งใด แค่ขอให้ลายมือตรงเป็นอันใช้ได้ (แบบเดียวกับ iPhone) ซึ่งถือว่าดีมากและใช้งานได้แท้จริง รองรับสูงสุด 5 นิ้วด้วยกัน โดยเป็นได้ตั้งค่าให้เข้าถึงส่วนแอพบางอย่าง ใช่ไหมเนื้อหาส่วนตัวที่ไม่ต้องประสงค์ให้ใครเข้าถึงก็ได้ (ตัวอย่างเช่น ข้อมูลหรือไม่แอพทางการเงิน เป็นต้น)
Fingerprint 
เพราะว่ารวมๆ ถือว่าใช้ได้ดีครับ อย่างไรก็ตามเรื่องของซอฟต์แวร์ยังคงเป็นปัญหาชวนหงุดหงิด (มียัดมาให้มากมาย แต่ใช้สุทธิไม่น่าจักเกินครึ่ง)

กล้อง

กล้องของ Mate 7 ถือว่าถ่ายภาพได้ดีในหลายบรรยากาศ แม้อาจจักไม่ได้ดีที่สุดก็ตาม ผมไม่ได้ประลองโหมดภาพที่หลากหลาย (เช่นเคย มีกระบุงโกยมากจนปวดหัว) เลยได้แต่ถ่ายภาพตามการตั้งค่าอัตโนมัติของเครื่องมา ซึ่งคุณภาพทั้งในที่ร่ม พร้อมทั้งที่กลางแจ้ง ถือว่าทำได้ดี ยกเว้นในที่มืดซึ่งมีการเบลอพร้อมทั้งการรบกวนอยู่พอสมควร
ซาลาเปาหิมะ
ไก่ย่างกระเทียม
เค้กช็อกโกแลต
หน้าร้าน
ข้าวหน้าแกงกะหรี่ไก่
แซลมอนรมควัน
Night
ฮะเก๋า
ไส้กรอกอิตาเลียน
Foucault's

สรุป

Front,
ผมยอมรับว่า Huawei Ascend Mate 7 ถือเป็นสมาร์ทโฟนจอใหญ่ที่น่าสนใจ พร้อมทั้งให้ความรู้สึกที่ดีมากในการจับ ตลอดจนถึงการใช้งาน ความบาง น้ำหนักของเครื่อง พร้อมกับกล้อง ถือเป็นสิ่งที่ทำได้ดีอย่างมาก หน้าจอก็คมชัด พร้อมกับตัวอ่านลายนิ้วมือที่ใช้งานได้ดีมาก ไม่ต้องจับรูดขึ้นรูดลงที่ปุ่มโฮมให้วุ่นวาย เพราะภาพรวมถือว่าในเชิงฮาร์ดแวร์ Ascend Mate 7 ทำออกมาได้ดีมาก
จุดตายของ Ascend Mate 7 กลับไปตกอยู่ที่ซอฟต์แวร์ซึ่งเน้นการใส่แต่สิ่งที่ไม่จำเป็น อีกทั้งมีแนวคิดในเรื่องของการจัดการแอพพร้อมด้วยการวางหน้าจอซึ่งไม่เหมือนกับ สมาร์ทโฟนอื่นๆ ในท้องตลาด (อย่างน้อยที่สุดในฝั่งของ Android กระแสหลัก) ทำให้การใช้งานดูจะผิดแปลกไปจาก Android ที่คุ้นเคยมา ซึ่งถึงแม้ว่าหลายอย่างจักเป็นที่คุ้นเคย แต่กลับมีความแตกต่างอย่างมาก จนทำให้ผมรู้สึกว่าซอฟต์แวร์ที่มากับ Ascend Mate 7 นั้นเป็น ของใหม่ ที่ต้องเรียนรู้ใหม่ มากกว่าจะใช้ความคุ้นเคยใน Android แบบเดิมได้
กล่าวโดยสรุปแล้ว Ascend Mate 7 ถือว่าทำได้ดีในฐานะสมาร์ทโฟนที่ดี แต่เรื่องของซอฟต์แวร์ที่ยังคงใส่ของที่ไม่ได้ใช้เข้ามาจำนวนมากจนเกินความ จำเป็น ยังเป็นปัญหาอยู่ พร้อมกับหวังว่า Huawei คงปรับปรุงในจุดนี้ให้ดีขึ้นในรุ่นหน้า อย่างน้อยที่สุดก็ในเชิงความเป็นได้ที่จักให้เปลี่ยน launcher เองได้ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว
ข้อดี
  • แบตเตอรี่อยู่นานมาก
  • ตัวอ่านลายนิ้วมือที่ใช้งานได้จริง แม่นยำ
  • กล้องที่ใช้งานได้ดีในสถานการณ์ทั่วไป
  • วัสดุพร้อมทั้งตัวเครื่องที่ทำออกมาได้ดีมาก จอใหญ่ คมชัด
ข้อเสีย
  • ซอฟต์แวร์ของเครื่องที่ใช้งานแล้วปวดหัวมาก เหมือนยังหาทางไปให้ตัวเองไม่เจอ แถมเปลี่ยน launcher ก็ไม่ได้
  • ใช้งานหนักมาก เครื่องจะร้อนจัด
  • GPS ไม่แม่นยำ (เล่น Ingress ไม่มันบนเครื่องนี้)
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> thaizones-hitech.blogspot.com